
บ้านญี่ปุ่น
บ้านญี่ปุ่น เรียบง่ายดูทันสมัย พร้อมความอบอุ่น
บ้านญี่ปุ่น การออกแบบสไตล์ญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นได้รับการอบรมเลี้ยงดูจากรุ่นสู่รุ่นให้เป็นผู้ที่มีความพัฒนา ในเรื่องของความคิดสร้างสรรค์ อยู่ตลอดเวลา พัฒนาศักยภาพ ของคนในสังคมจากจุดเล็กๆ Phuket House จนกลายเป็นประเทศที่มีความแข็งแรงเป็นปึกแผ่น ชาวญี่ปุ่นได้เรียนรู้ และค้นพบความสวยงามของงานศิลปะจากธรรมชาติ และขณะเดียวกันก็ได้พัฒนา สร้างสรรค์เทคโนโลยีอันชาญฉลาดเพื่อปรับปรุง ยกระดับคุณภาพชีวิต ของคนในสังคมให้มีมากยิ่งขึ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะ ไม่ลืมให้ความสำคัญกับ ทุกงานดีไซน์ สไตล์ญี่ปุ่น ให้มีความเป็นมิตรกับธรรมชาติ ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงคุณค่าของการถ่ายทอดความงามของศิลปะ หลักสุนทรียศาสตร์ที่ช่างฝีมือ ชาวญี่ปุ่นได้รังสรรค์มานั้นจะคำนึงถึงหลักการเกิดขึ้น ของแสง และเงาตามธรรมชาติ ทำให้ผู้ที่เสพความงามของศิลปะจากธรรมชาติ จะได้รับอรรถรสไปเต็มๆ
ในการสร้างบ้าน หากใส่ความต้องการ ของตัวเองพร้อมๆ กับการสร้างจุดร่วมกับบริบทรอบข้าง ผลที่ได้ก็อาจจะได้บ้าน ที่สวยงามถูกใจผู้อยู่ และสร้างทัศนียภาพโดยรวมที่ดี ตัวอย่างที่ดีเห็น ได้จากบ้านหลังนี้ ที่ตั้งอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยพัฒนาใหม่ในย่านชานเมือง
ซึ่งมีความหนาแน่นต่ำ มากของเมืองโนดะ จังหวัดชิบะ ประเทศญี่ปุ่น จากบริเวณนี้สามารถมองเห็น คลองที่สร้างขึ้นในยุคเมจิได้ พร้อมกับทางเดินที่เงียบสงบ ล้อมรอบด้วยต้นไม้เขียวขจีวิ่งขนานไปกับคลอง ครั้งแรกที่สถาปนิก ได้เห็นบริเวณรอบ ๆ ก็เหมือนถูกกระแทกด้วยเสียงสะท้อนของอดีต เป็นบรรยากาศอันงดงาม ที่ยังมีกลิ่นอายชนบทจึงเลือก สร้างบ้านโมเดิร์นที่เข้ากัน ได้กับชุมชนอย่างถ่อมตัว

แบบบ้านโมเดิร์นสไตล์ญี่ปุ่น
บ้านโมเดิร์นที่ดูอบอุ่นผ่อนคลาย อาคารนี้มีพื้นที่ใช้สอย 113 ตารางเมตร สถาปนิกที่ออกแบบบ้านเน้น ไปที่สองสิ่งหลัก ๆ อันดับแรกคือ ออกแบบสร้างบ้านที่มีดีไซน์เหมาะสม และเข้ากันได้อย่างกลมกลืน กับชุมชนเก่าบริเวณนี้ และสองคือการจัดพื้นที่ ภายในให้เหมาะกับผู้อยู่อาศัย ซึ่งอันที่จริงโครงการนี้บ้านหลังนี้เป็นบ้านสร้างขึ้น เพื่อขายเหมือนบ้านจัดสรร ที่ดีไซน์ภายนอกจะเป็นเดียวกัน แต่พิเศาที่ภายในจะจัดแปลน ที่แตกต่างกันตาม ที่ผู้อยู่ต้องการ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิต ที่ดีที่สุดให้กับเจ้าของ
ตัวอาคารสร้างอย่างง่าย ๆ ด้วยรูปร่างบ้านสี่เหลี่ยมเกือบจตุรัส หลังคารูปทรงจั่วทาสีบ้านโทนสีเทา ตกแต่งบริเวณที่ยื่นออกมา จากตัวบ้านด้วยไม้สีธรรมชาติ เส้นสายทั้งหมดดูเรียบง่าย ไม่มีรายละเอียดรกตา หรือ ซับซ้อน มองดูครั้งแรกก็รู้สึกได้ ถึงความทันสมัยแต่เต็ม ไปด้วยบรรยากาศความผ่อนคลาย และอ่อนน้อม เข้ากันได้กับบริบทธรรมชาติ ที่รายล้อม
ภายในเป็นกล่องไม้ที่เต็มไปด้วยแสง
นักออกแบบเลือก ใช้โครงสร้างแบบชั้นเดียว เพื่อตอบสนองต่อ เหตุผลทางเศรษฐกิจที่ต้องการ ให้บ้านยังอยู่ในช่วงราคา ที่เป็นเจ้าของได้ง่าย ภายในตกแต่งด้วยงานไม้ ให้ดูเหมือนมีกล่องไม้หลายๆ Home Phuket กล่องที่มีประโยชน์มากมาย กล่องไม้ ในบ้านหลังนี้มีการใส่ช่องว่าง ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่ช่วยให้แสงจากธรรมชาติ ส่องผ่านเข้าไปในห้องนั่งเล่น และส่วนอื่น ๆ ของบ้านได้ สร้างภาพพื้นที่บ้าน สามมิติในสถานที่ต่างๆ ตามฟังก์ชั่นของแต่ละหน่วยการใช้งานในบ้าน
ภายในบ้านเน้นความลื่นไหล และยืดหยุ่น ด้วยการจัดแปลนแบบ open ลดการใช้ผนังทึบให้น้อยที่สุด เพื่อรวมพื้นที่ให้เป็นห้องโล่ง ๆ รวมหลายฟังก์ชันไว้ในจุดเดียว การตกแต่งในกล่องต่าง ๆ เป็นไปในสไตล์มินิมอลลิสต์ คือ ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ที่เกินความจำเป็น ใช้ไม้ที่ดูอบอุ่นสลับ กับสีขสวสร้างบรรยากาศให้บ้านสงบนิ่ง ในบริเวณต่าง ๆ ของบ้านจะเห็นแสง และเงาที่ส่องลอดผ่านช่องแสงในจุดต่าง ๆ ของบ้านตกกระทบบนพื้น และผนัง ที่จะเปลี่ยนรูปแบบและตำแหน่งไปตาม ทิศทางการเดิน ของแสงในแต่ละช่วงของวัน
พื้นไม้เติมความอบอุ่นให้บ้าน

จากบันไดโปร่ง ๆ ที่เปิดทางให้แสง และอากาศยังไหลเวียนได้ นำทางขึ้นไปสู่ห้องใต้หลังคา ที่ยังคงคอนเซ็ปใน การตกแต่งและใช้วัสดุ สี เหมือนกับส่วนอื่นๆ ทั้งหลัง บรรยากาศของความนิ่ง เงียบ เหมาะสำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนหลังจากทำงานมา เหน็ดเหนื่อยทั้งวัน ทุกก้าวที่เข้ามาจาก หน้าบ้านถึงชั้นบนสุดจึงเต็มไปด้วยความว่าง ที่สร้างความสงบให้จิตใจ
ข้อควรรู้การตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ที่ใครๆ ก็ต้องทำ

1. ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ เพราะคนญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับความเป็นธรรมชาติมาก จึงมักจะนำไม้เข้ามามีส่วนร่วมในการออกแบบและตกแต่งเสมอ ไม่ว่าจะด้านโครงสร้างที่มักจะใช้ไม้ทำพื้น ผนัง ประตู หน้าต่าง หรือด้านการตกแต่งที่มักจะใช้ไม้ทำฉากกั้น เฟอร์นิเจอร์ และของกระจุกกระจิก โดยไม้ที่นิยมนำมาใช้ในบ้านบ่อย ๆ ได้แก่ ไม้ไผ่ ไม้เมเปิ้ล ไม้ฮิโนกิ ไม้เฮมล็อก และไม้สนแดง
ฉะนั้นถ้าหากใครอยากสร้างบรรยากาศ บ้านแบบญี่ปุ่น ละก็ ห้ามพลาดงานไม้และงานธรรมชาติอย่างเด็ดขาด รวมถึงอย่าลืมตกแต่งด้วยต้นไม้ญี่ปุ่น เช่น ต้นไผ่หรือต้นบอนไซด้วย ทว่าเอาจริง ๆ จะปลูกต้นอะไรในบ้านก็ช่วยสร้างความเป็นธรรมชาติแบบญี่ปุ่นได้ทั้งนั้น เพียงแค่ต้องเน้นต้นไม้ที่เรียบง่ายและมีสีเขียวเป็นหลัก นอกจากนี้บ้านญี่ปุ่นยังนิยมเชื่อมต่อพื้นที่ภายในเข้ากับธรรมชาติภายนอกอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากใครมีสวนสดใสรอบบ้าน ก็อย่าลืมทำหน้าต่างขนาดใหญ่ให้มองเห็นได้ชัดด้วยล่ะ
2. เน้นสีแนวเอิร์ธโทน หลักสำคัญอีกหนึ่งอย่างของการออกแบบบ้านสไตล์ญี่ปุ่น คือ สีแนวเอิร์ธโทน โดยโทนสียอดนิยมของญี่ปุ่นมีทั้งหมด 3 สี ได้แก่ สีน้ำตาลที่มาจากไม้ สีเขียวที่มาจากต้นไม้ และสีเทาที่มาจากกระเบื้องหิน ฉะนั้นถ้าหากใครอยากออกแบบ บ้านแฝด และตกแต่งบ้านให้ได้กลิ่นอายแบบญี่ปุ่น พยายามผสมผสานโทนสีเหล่านี้เข้าไว้ด้วยกัน เลือกเฉดสีของเฟอร์นิเจอร์ที่ไม่แตกต่างกันมากเกินไป แล้วค่อยเน้นลูกเล่นพิเศษจากพื้นผิวของวัสดุ เช่น งานไม้หรืองานสาน เพื่อความไม่น่าเบื่อแทน

3. ตกแต่งน้อยชิ้น แต่มากฟังก์ชั่น บ้านสไตล์ญี่ปุ่น มักจะมีเฟอร์นิเจอร์ไม่ค่อยเยอะ ต่างจากบ้านของคนไทยส่วนใหญ่ที่มักจะมีข้าวของและเฟอร์นิเจอร์เพียบ ดังนั้นถ้าหากใครจะตกแต่งบ้านสไตล์ญี่ปุ่น ให้คำนึงถึงการใช้งานเอาเป็นหลัก โดยเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีฟังก์ชันการใช้งานหลากหลาย ดีไซน์เรียบง่าย ดีเทลไม่เยอะ และใช้วัสดุจากธรรมชาติ ส่วนการจัดวางก็พยายามให้อยู่เป็นกลุ่ม ไม่กระจาย มีที่ว่างสำหรับทางเดิน เช่น จัดเข้ามุมหรือวางชิดผนัง เท่านี้ก็จะช่วยให้บ้านมีความมินิมอลแบบญี่ปุ่นได้ง่าย ๆ แล้ว
4. เปิดช่องให้แสงผ่าน ไม่ว่าจะหลังเล็กหรือหลังใหญ่ การออกแบบภายในบ้านสไตล์ญี่ปุ่นจะเน้นความโล่ง โปร่ง และสบายเป็นหลัก ซึ่งปัจจัยสำคัญก็มาจากการเปิดบ้านให้แสงธรรมชาติสาดส่องอย่างทั่วถึง โดยวิธีการง่ายๆ คือ การใช้หน้าต่างขนาดใหญ่รอบบ้าน บ้าน การเจาะเพดานเพื่อทำสกายไลท์ และการใช้ม่านแบบเรียบง่ายและโปร่งแสง เอาเป็นว่าถ้าหากใครอยากให้บ้านสว่างและสดใสแบบญี่ปุ่น ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะ
5. เพิ่มสีสันด้วยสติ๊กเกอร์ ถึงแม้บ้านสไตล์ญี่ปุ่นจะเน้นความเรียบง่าย อบอุ่น แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะถ้าหากโทนสีธรรมชาติไม่ใช่สไตล์ของคุณ ก็สามารถเพิ่มลวดลายและสีสันเข้าไปได้ ด้วยสติ๊กเกอร์ติดผนังแบบญี่ปุ่นหรือ Wall Sticker ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าทั่วไป แถมมีให้เลือกหลากหลายลาย ที่สำคัญเวลาแกะออกไม่ทิ้งคราบตกค้าง
ถ้าหากใครอยากเพิ่มความเป็นญี่ปุ่นให้มากขึ้นกว่าเดิม อย่าลืมตกแต่งเข้าคู่กับเฟอร์นิเจอร์ทรงเตี้ย ทั้งโต๊ะ ตู้ และเก้าอี้ เพราะจะช่วยให้ห้องกว้างขวางและน่าอยู่แบบชาวเจแปนนิสนั่นเอง phuket property

6. จัดเก็บตู้เสื้อผ้าให้เป็นระเบียบเรียบร้อย ถ้าหากสังเกตดี ๆ จะเห็นได้ว่า ตู้เสื้อผ้าของญี่ปุ่นไม่เหมือนกับตู้เสื้อผ้าของไทย โดยตู้เสื้อผ้าญี่ปุ่นเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โอชิ-อิเระ (Oshi-ire) มีลักษณะเป็นตู้สี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มาพร้อมกับประตูบานเลื่อน ส่วนภายในแบ่งออกเป็นสองชั้น บนกับล่าง มีไม้พาร์ติชั่นแข็งกั้นตรงกลางตามแนวนอน ความลึกประมาณฟูกพับครึ่ง
ซึ่งทุกวันนี้มักจะมีราวแขวนเสื้อติด มาด้วยแต่บางครั้งก็เป็นตู้โล่ง ๆ ไม่มีอะไรภายใน เพราะสามารถเลือกซื้ออุปกรณ์เสิรมได้ต่างหากตามต้องการ เนื่องจากคนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะเน้นพับเสื้อผ้าเก็บใส่กล่อง ตะกร้า ลิ้นชัก เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย และสวยงามสะอาดตา อีกทั้งยังทำให้มองหาและหยิบใช้ได้ง่ายด้วย ถึงขนาดมีวิธีการจัดตู้เสื้อผ้า แบบญี่ปุ่นโดยเฉพาะเลยล่ะ
7. ประตูบานเลื่อนคือไอเทมสำคัญ บ้านสไตล์ญี่ปุ่นส่วนใหญ่มักจะมาพร้อมกับประตูบานเลื่อนหรือประตูโชจิ (Shoji) เนื่องจากบ้านญี่ปุ่นมีข้อจำกัดเรื่องเนื้อที่ เลยต้องหันมาใช้ประตูบานเลื่อนเพื่อช่วยเซฟพื้นที่ใช้สอยแถมยังช่วยให้ความโปร่ง ไม่บล็อกวิว และไม่บล็อกแสงอีกต่างหาก
โดยส่วนใหญ่ประตูโชจิแท้ จะทำจากกรอบไม้และกระดาษโปร่งแสง ว่าปัจจุบันมีการประยุกต์ ให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น จึงนิยมทำจากกรอบไม้และกระจก พร้อมมีช่องไม้เป็นตารางสี่เหลี่ยม ภายในแทน รับรองแค่เปลี่ยนมาใช้ประตูบานเลื่อนหรือประตูโชจิ ก็ช่วยเพิ่มความเป็นญี่ปุ่น ให้กับบ้านได้ง่าย ๆ แล้ว บ้านจัดสรร
อ่านบทความที่หน้าสนใจ

