
รีโนเวทบ้านไม้สวยๆ
รีโนเวทบ้านไม้สวยๆ แปลงโฉมใหม่ดีไซน์เจ๋ง ออกแบบสุดปัง
รีโนเวทบ้านไม้สวยๆ การรีโนเวทบ้าน (Renovate) คือ การบูรณะการซ่อม แซมให้กลับมามีสภาพดีเหมือนเดิมหรือใหม่ขึ้น หรือ กระบวนการในการคืนสภาพ หรือ ปรับปรุงสิ่งก่อสร้าง ที่เสียหายถูกทำลาย หรือ มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และอยู่ในสภาพเก่าให้กลับมา ใช้งานได้เช่นเดิมโดยการ Renovate หรือรีโนเวชั่นนั้น จะนิยมใช้ในการกล่าวถึงการปรับปรุงพื้นที่อยู่อาศัยให้มีสภาพดีมากยิ่งขึ้น และอาจจะสามารถหมายถึง การนำเอาบางอย่างกลับมาให้มีชีวิตชีวาเหมือนเดิมได้ด้วยเช่นกัน
การรีโนเวทบ้านไม้ เป็นเรื่องที่เจ้าของบ้าน หรือ คนที่กำลังวางแผนจะสร้างบ้านไม้ต้องศึกษาไว้ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป บ้านไม้ที่สวยงาม ก็ย่อมต้องมีการเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา ซึ่งจะเร็ว หรือ ช้าก็ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาของผู้อยู่อาศัย บ้านไม้นั้นมักเกิดปัญหา ต้องมีการซ่อมแซม เพื่อให้บ้านไม้สวยงาม คงทน แข็งแรง เหมือนใหม่อยู่เสมอ
รีโนเวทบ้านไม้ ควรตรวจเช็กให้ชัวร์ก่อนลงมือทำ
1.ประตู หน้าต่างของบ้าน
การรีโนเวทบ้านไม้ ควรให้ความสำคัญบริเวณ ประตู หน้าต่าง เพราะจุดดังกล่าวมีการใช้งานบ่อย มีการเปิด-ปิด อาจเกิดความเสียหาย หรือชำรุดได้ง่ายที่สุด ยิ่งถ้าหากโดนฝนบ่อบ ๆ จะเกิดการเปียกชื้น ก่อนรีโนเวทบ้านไม้ จึงเป็นจุดแรกที่ควรตรวจเช็ก
วิธีแก้ไข: หากพบว่าไม้บวมชื้น เกิดความเสียหาย ทำให้เปิด-ปิดประตู หน้าต่างได้ยาก ให้ไสบริเวณที่บวมออกไป และทาสีน้ำมันทาไม้ทับอีกชั้น ถ้ามีความเสียหายมาก ให้เอาออก และเปลี่ยนแผ่นใหม่เข้าไปแทน
2.พื้น-ผนังบ้าน
แม้ว่าบริเวณพื้นบ้าน ผนังบ้าน จะไม่ค่อยได้ถูกแสงแดด ลม หรือฝน แต่ก็เกิดความเสียหายได้เช่นกัน เช่น รอยขีดข่วนต่าง ๆ จากการลากเฟอร์นิเจอร์ การที่มีกรวด หรือ ทรายบนพื้นไม้ และการขีดข่วนจากสัตว์เลี้ยง อาจทำให้พื้นบ้านหรือแม้แต่ผนังบ้านเกิดรอยได้ แม้จะหลีกเลี่ยงได้ยาก ซึ่งถ้าใครที่หลงรักงานไม้ก็อาจจะทำใจในข้อนี้ไม่ได้จริง ๆ
วิธีแก้ไข: การรีโนเวทบ้านไม้ในจุดนี้ไม่ใช่เรื่องยาก เริ่มจากตรวจเช็กความลึกและขนาดของรอยขีดข่วนก่อน หากรอยไม่ลึกมาก สามารถซ่อมได้ด้วยปากเกอร์ย้อมสี รอยลึกปานกลาง ใช้แท่งขี้ผึ้งสีที่ใกล้เคียง กับพื้นไม้ของเรา รอยลึกมากซ่อมด้วยสีโป๊วไม้ และปาดให้เรียบไปกับผิวหน้าพื้นไม้ หรือขัดพื้นและเคลือบผิวใหม่ ในกรณีที่มีรอยข่วนจำนวนมาก
3.ระเบียงบ้าน
โดยส่วนใหญ่แล้วระเบียงบ้านหรือชานบ้าน เป็นจุดที่เกิดความเสียหายได้บ่อย เพราะเป็นจุดที่ต้องโดนทั้งแดด ลม ฝน มากกว่าจุดอื่น ๆ อาจทำให้ไม้เกิดความเสียหาย เนื้อไม้ซีดหรือผุพังได้ เป็นอีกจุดที่ก่อนรีโนเวทบ้านไม้ต้องตรวจเช็กให้ดี
วิธีแก้ไข: ทาสีน้ำมัน หรือสีพลาสติก เพื่อเป็นการดูแลเนื้อไม้ และยังทำให้เนื้อไม้มีสีที่เด่นชัด สวยงาม
4.เฟอร์นิเจอร์ไม้
ด้วยความที่เป็นบ้านไม้ เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้จึง เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้เพื่อให้ดูเข้ากัน และถึงแม้เฟอร์นิเจอร์ไม้ เหล่านี้จะอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกมาโดนแดด โดนฝน แต่ก็อาจจะชำรุดเสียหายได้ จากการโดนน้ำเวลาทำความสะอาดบ้าน ไม้เกิดความชื้นจากการที่น้ำซึมเข้าเนื้อไม้ รีโนเวทบ้านไม้ทั้งที จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ ที่นำมาตกแต่งบ้านด้วย
วิธีแก้ไข: ควรเลือกใช้น้ำยาเคลือบผิวไม้ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำซึมเข้าเนื้อไม้ หรือถ้าเฟอร์นิเจอร์ไม้ชิ้นไหน เกิดความเสียหายผุพังมาก อาจจะถือโอกาสนี้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหม่ จะได้เข้ากับบ้านไม้ หลังงามที่รีโนเวทจนสวยเหมือนใหม่
5.เนื้อไม้
การรีโนเวทบ้านไม้ ควรดูแลรักษาเนื้อไม้ให้มีความแข็งแรง ทนทาน เพื่อให้มีอายุการใข้งานที่ยาวนาน โดยควรตรวจเช็กเนื้อไม้ทุก ๆ 4 เดือน เพราะหากมีปลวกมาทำลายเนื้อไม้ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
วิธีแก้ไข: ใช้น้ำยาเคลือบเนื้อไม้ เพื่อให้อายุไม้ยาวนาน แถมยังลดปัญหาเนื้อไม่เสียหายมากขึ้น บ้านแฝด
บ้านไม้มีอายุใช้งานอยู่ได้นานเป็นเกือบ 100 ปี ก็จริงแต่ถ้าไม่ดูแลรักษาให้ดี หรือรีโนเวทบ้านไม้ ก็อาจทำให้บ้านไม้ ที่เคยสวยงามนั้น เกิดความเสียหายและเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ อยากให้บ้านสวยอยู่กับเราไปได้นาน ๆ สามารถตรวจเช็ก และซ่อมแซมได้ในบางจุด แต่ในบางจุดที่ ต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญ

10 ข้อดีของการอยู่อาศัยในบ้านไม้
ไม้ เป็นวัสดุหลักที่นิยมนำมาใช้สร้างบ้านในอดีต เพราะสามารถหาได้ง่ายตามธรรมชาติ แต่นอกเหนือจากไม้แล้วนั้นในปัจจุบันมีการใช้วัสดุอื่น ๆ มาในการสร้างบ้าน นอกจากบ้านไม้ ยังมีบ้านดิน บ้านอิฐ และบ้านปูน ซึ่งเรียกตามวัสดุหลักที่นำมาใช้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ บ้านไม้ลดความนิยมลงด้วยข้อดีดั้งนี้
1.บ้านไม้อยู่แล้วเย็นสบายไม่อบอ้าว
แม้ว่าไม้จะไม่ได้มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนเท่าไหร่นัก แต่ข้อดีของไม้ คือสามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้อุณหภูมิภายในบ้านลดลง และไม่ร้อนอบอ้าว ยิ่งในช่วงกลางคืน บ้านไม้ยิ่งมอบความเย็นสบายได้มากกว่าวัสดุอื่น
2.บ้านไม้ทำให้พื้นที่ดูกว้างขวางขึ้น
ด้วยลักษณะของพื้นและผนังไม้ที่เป็นแผ่นแนวยาว จึงทำให้เกิดความรู้สึกว่าห้องดูกว้างขวางกว่าความเป็นจริง อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ มอบความสบาย ทำให้ไม่รู้สึกแออัดในพื้นที่กรอบสี่เหลี่ยมเดิมๆ
3.บ้านไม้อยู่แล้วเท่ คลาสสิก มีรสนิยม
บ้านไม้ ไม่เคยตกยุคตกสมัยไปตามกาลเวลา เพราะบ้านไม้อยู่ร่วมสมัยกับคนเรามาโดยตลอด ให้ความคลาสสิก ที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานกี่ปีก็ยังคงสร้างรสนิยมให้กับผู้อยู่อาศัยได้อย่างไม่เสื่อมคลาย
4.บ้านไม้อยู่แล้วอากาศถ่ายเท
เนื่องจากบ้านไม้จะมีช่องว่างตามรอยต่อของไม้ในจุดต่างๆ จึงทำให้มีความโปร่ง และสามารถถ่ายเทอากาศได้ดีกว่า จึงช่วยให้หายใจสะดวก ไม่อุดอู้ ต่างจากบ้านปูนที่หากไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ จะมีความร้อนมากกว่า
5.บ้านไม้อยู่แล้วรักษ์โลก เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เทรนด์รักษ์โลกในปัจจุบัน ได้รับความนิยมกันในหลายๆ ภาคส่วนมากขึ้น ซึ่งการใช้ไม้เป็นวัสดุก่อสร้างนั้น นับว่าสอดคล้องกับเทรนด์นี้ เนื่องจากไม้สามารถนำกลับมาใช้งานซ้ำได้ สร้างใหม่ทดแทนได้ อีกทั้งยังย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ นอกจากนี้ การใช้วัสดุไม้ในการก่อสร้าง แทนวัสดุอย่างเหล็ก หรือ คอนกรีต ยังช่วยลดก๊าซเรือนกระจก จากสิ่งปลูกสร้างได้มากกว่า 80เปอร์เซนต์ จึงช่วยลดโลกร้อนได้อีกด้วย
6.บ้านไม้อยู่แล้วปลอดภัยจากแผ่นดินไหวมากกว่า
เมื่อเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว มักพบว่าบ้านที่ทำจากวัสดุไม้เป็นหลัก จะเกิดความเสียหายน้อยกว่า หรือ บางครั้งก็ไม่พบความเสียหายเกิดขึ้นเลย นั่นเป็นเพราะความแข็งแรง ของไม้ที่แฝงความยืดหยุ่นในตัวเอง ในขณะที่บ้านประเภทอื่น เมื่อเกิดแผ่นดินไหวอาจเกิดการแตกตัว แต่ไม้จะยังคงทนอยู่ในจุดที่สูงกว่านั่นเอง ประกอบกับโครงสร้างไม้มีน้ำหนักเบากว่า เมื่อเกิดแรงปะทะจากแผ่นดินไหว จึงเกิดแรงปะทะที่น้อยกว่าโครงสร้างที่มีน้ำหนักมากกว่า เช่น ปูน เป็นต้น
7.บ้านไม้สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้หลากหลาย
เนื่องจากไม้เป็นวัสดุ ที่มีความยืดหยุ่นสูง หากต้องการปรับแต่ง ต่อเติมก็สามารถทำได้ง่าย ไม้สามารถนำมาตกแต่งโดยผสมผสานเข้ากับวัสดุอื่นๆ ได้อย่างลงตัว โดยเราจะเห็นแบบบ้านไม้ผสมกับปูนอยู่บ่อยๆ หรือจะเป็นโครง สร้างเหล็กผสม กับไม้ก็มีให้เห็นกันทั่วไป นอกจากนี้ บ้านไม้ยังสามารถโยกย้าย และรื้อถอนเพื่อนำไปปลูกสร้าง ในที่ดินผืนใหม่ได้ ต่างจากปูนที่ต้องทุบทิ้งอย่างเดียว
8.บ้านไม้มีความคงทน มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
หากบ้านไม้ของเราสร้างขึ้น จากไม้เนื้อแข็งคุณภาพดีเป็นหลัก อย่างไม้สัก หรือไม้เนื้อแข็งชนิดต่างๆ ประกอบกับการดูแลเอาใจใส่รักษา เนื้อไม้เป็นอย่างดี เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยารักษาเนื้อไม้ ป้องกันปลวก และแมลงทำลายเนื้อไม้ ก็จะได้บ้านที่มีความคงทน อยู่อาศัยได้ยาวนาน
9.รื้อถอน เคลื่อนย้ายสะดวก
ถ้าหากต้องการจะโยกย้าย ก็สามารถรื้อถอนบ้านไม้ และเคลื่อนย้ายไปสร้างบ้านใหม่บนที่ดินของตัวเอง ได้ ถือเป็นการรีโนเวทบ้านไม้ ปรับปรุงตกแต่งใหม่ให้สวยงามไปในตัว โรงแรมภูเก็ต
10.บ้านไม้สวยงาม
บ้านไม้มีความสวยงาม คลาสสิก ร่วมสมัย ไม่ตกยุค ดังจะเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ยังคงมีการสร้างบ้านไม้ให้เห็นกันอยู่

ข้อเสียของบ้านไม้
1.ปลวก มด แมลงกัดแทะ
อาจจะต้องทำใจไว้ก่อนเลย เพราะบ้านไม้เสี่ยงต่อการถูกปลวก มด แมลง มากัดเนื้อไม้ ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการดูแลและบำรุงรักษาไม้เป็นพิเศษ เช่น ทาสีกันแมลง เพื่อป้องกันการผุกร่อนของเนื้อไม้
2.ไม้ชื้น เสื่อมสภาพเร็ว
ไม้ชื้นเป็นอีกหนึ่งข้อเสียของบ้านไม้ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ระเบียง หรือบันไดที่เสี่ยงโดนฝนเป็นประจำ ต้องมีการทาสีน้ำมันหรือสีพลาสติก เพื่อกันความชื้น ไม่ให้น้ำซึมลงเนื้อไม้ เสี่ยงไม้ผุพังได้ในอนาคต
3.บ้านรั่วซึม
วัสดุไม้มีข้อดีในเรื่องของความยืดหยุ่นก็จริง แต่ก็มักจะยืดหรือหดตามสภาพอากาศ ในช่วงหน้าฝนจึงอาจเกิดปัญหาบ้านรั่วซึมระหว่างช่องไม้ได้ ควรตรวจเช็กก่อนรีโนเวทบ้าน ป้องกันได้ด้วยการทาน้ำยากันรั่วซึม
4.ราคาค่อนข้างสูง
ปัจจุบันไม้มีราคาสูง อาจทำให้เสียงบประมาณในการสร้างบ้านเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะไม้เนื้อดี เนื้อแข็ง ซึ่งมีความแข็งแรงทนทาน นิยมนำมาวางโครงสร้างบ้าน ก็จะมีราคาสูง อีกทั้งการสร้างบ้านไม้ต้องอาศัยช่างที่มีความชำนาญซึ่งหาได้ค่อนข้างยาก
5.มีเสียงดังเวลาเดิน
บ้านไม้มักมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเวลาเดินในบ้าน เป็นผลจากการยืดและหดตัวของเนื้อไม้ ทำให้ได้ยินเสียงรบกวนทั้งจากนอกบ้านและในบ้าน นอกจากนั้นยังมีเสียงที่ลอดผ่านช่องรอยต่อของไม้ เพื่อลดเสียงรบกวนที่สร้างความรำคาญใจ อาจจะต้องปูวัสดุตกแต่ง เช่น กระเบื้องยาง พื้นไม้ไวนิล พรมทับพื้นไม้เดิม เพื่อปิดร่องรอยต่อระหว่างพื้นไม้
อ่านบทความเพิ่มเติ่ม

